ภาคอีสาน


ภาคอีสาน
ิ้เรือนไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นดินแดนกว้างใหญ่ ประกอบด้วยจังหวัดต่างๆ ถึง๑๗ จังหวัด ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพทางเกษตรกรรม เช่นเดียวกับภาคอื่นๆ อาชีพหลัก ได้แก่ การทำนาข้าวเหนียว นอกจากนั้นประกอบอาชีพปลูกพืชไร่ เช่น มันสำปะหลัง ปอ และเลี้ยงสัตว์ไว้ใช้แรงงาน ตลอดจนเลี้ยงไว้บริโภค อาชีพเหล่านี้ต้องพึ่งดินฟ้าอากาศที่เอื้ออำนวย จึงจะส่งผลดี แต่สภาพภูมิประเทศภาคนี้เป็นที่ราบแบบลูกคลื่น พื้นดินเป็นดินปนทรายน้ำซึมได้ง่าย จึงทำให้บริเวณแถบนี้แห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูก และบริโภค ทำให้เศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำกว่าภาคอื่นๆ ของประเทศ
ลักษณะทั่วไปของเรือน
เป็นเรือนประเภทครอบครัวเดี่ยว แปลนพื้นเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ประกอบด้วยเรือนนอน เฉลียง ชาน ครัว และร้านน้ำ บางหลังจะมีเรือนโข่งเพิ่มขึ้นอีก ๑ หลัง (เรือนโข่ง คือ เรือนโถง ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเรือนนอน) เรือนส่วนใหญ่เปิดโล่ง เนื้อที่ที่ใช้กั้นห้องเป็นสัดส่วนมีน้อย ไม่อาจแยกเป็นห้องๆ อย่างชัดเจนได้ แบ่งเป็น 4 ประเภท
๑. เรือนทรงจั่วแฝดแบบดั้งเดิม 
 เป็นเรือนที่มีอายุเก่าแก่กว่าเรือนประเภทอื่นๆ ชิ้นส่วนบางแห่งทรุดโทรม เจ้าของซ่อมแซมใหม่ ทำให้ลักษณะผิดไปจากเดิมบ้าง เรือนประเภทนี้มีจำนวนน้อย หมู่บ้านใหญ่ๆ เหลือประมาณ ๑-๕ หลัง อาจแยกลักษณะของเรือนทรงจั่วแฝดแบบดั้งเดิมได้ ดังนี้
ก. หลังคาทรงจั่วสูงกว่าเรือนประเภทอื่นๆ
ข. เป็นเรือนแฝด ชายคาของเรือนนอนและเรือนโข่งมาจรดกัน ไม่มีระเบียง
ค. เดิมมุงหลังคาด้วยกระเบื้องไม้
ง. สร้างด้วยไม้จริง
จ. มีช่องรางน้ำระหว่างหลังคาเรือนแฝด
ฉ. ฝาส่วนใหญ่ใช้ไม้จริง มีฝาจักสานเป็นส่วนน้อย
ช. มีบันไดขึ้นลง ๒ ทาง
ซ. เป็นเรือนถาวร เจ้าของเรือนมีฐานะดี
เรือนทรงจั่วแฝดแบบดั้งเดิม


๒. เรือนที่มีเรือนโข่ง 
(เรือนระเบียง) เรือนโข่งเป็นเรือนที่สร้างขึ้นภายหลัง เรือนที่มีเรือนโข่งนี้ หลังคาทรงจั่วต่ำกว่าประเภทแรกครึ่งหนึ่ง มุงด้วยสังกะสีแทนกระเบื้องไม้ ซึ่งหายาก 
มีลักษณะดังนี้
ก. ความสูงของจั่วลดลงประมาณครึ่งหนึ่งของเรือนประเภทแรก
ข. มีเรือนโข่ง
ค. มุงหลังคาด้วยสังกะสี (ปัจจุบัน)
ง. โครงสร้างส่วนใหญ่ใช้ไม้จริง
จ. ฝาไม้ไผ่สานลายคุบ
ฉ. มีระเบียงเป็นตัวเชื่อมเรือนนอน และเรือนโข่ง
ช. มีบันไดขึ้นลงทางเดียว
ซ. เป็นเรือนชนิดถาวร เจ้าของเรือนมีฐานะปานกลาง


เรือนที่มีเรือนโข่ง


๓. เรือนที่ไม่มีเรือนโข่ง 
เป็นเรือนที่มีมากกว่าเรือนประเภทอื่นๆ ประกอบด้วยเรือนนอน ระเบียง ชาน ครัว ร้านน้ำ และไม่มีเรือนโข่ง
มีลักษณะดังนี้
ก. หลังคาทรงจั่วต่ำ
ข. ไม่มีเรือนโข่ง
ค. หลังคามุงด้วยสังกะสี (ปัจจุบัน)
ง. โครงสร้างส่วนใหญ่ทำด้วยไม้จริง
จ. มีระเบียงต่อจากเรือนนอนเชื่อมกับส่วนอื่นๆ
ฉ. ฝาส่วนใหญ่เป็นฝาไม้ไผ่สานลายคุบ
ช. มีบันไดขึ้นลงทางเดียว
ซ. เจ้าของเรือนมีฐานะปานกลาง
เรือนที่ไม่มีเรือนโข่ง


๔. เรือนชั่วคราว 
เป็นเรือนที่สร้างขึ้น เพื่ออาศัยอยู่ชั่วคราว สำหรับผู้ที่ออกเรือนใหม่ มีทั้งชนิดต่อเติมจากยุ้งข้าว และชนิดสร้างขึ้นใหม่ เมื่อมีฐานะดีขึ้นจึงจะสร้างเรือนถาวรต่อไป เรือนชั่วคราวนี้เป็นเรือนที่มีห้องเดียว สร้างเป็นเพิงต่อจากยุ้งข้าว หรือสร้างขึ้นใหม่ด้วยวัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น เช่น แฝก ใบตองตึง และไม้ไผ่ เป็นต้น
มีลักษณะดังนี้
ก. ยกใต้ถุนสูงพ้นศีรษะ
ข. ยกใต้ถุนสูงประมาณ ๑ เมตร


เรือนชั่วคราว

                        อาหาร
 สภาพภูมิศาสตร์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานมีผลต่ออาหารการกินของคนท้องถิ่น อย่างมาก เนื่องจากพื้นที่บางแห่งแห้งแล้ง วัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารซึ่งหาได้ตามธรรมชาติส่วนใหญ่ ได้แก่ ปลา แมลงบางชนิด พืชผักต่าง ๆ การนำวิธีการถนอมอาหารมาใช้เพื่อรักษาอาหารไว้กินนานๆ จึงเป็นส่วนสำคัญในการดำรงชีพของคนอีสาน
  ชาวอีสานจะมีข้าวเหนียวนึ่งเป็นอาหารหลักเช่นเดียวกับภาคเหนือ เนื้อสัตว์ที่นำมาปรุงอาหาร 
ได้แก่ สัตว์ที่หามาได้ เช่น กบ เขียด แย้ แมลงต่างๆ


อาหารภาคอีสาน มักมีข้าวเหนียวประกอบ

ประเพณี บุญบั้งไฟ
ความสำคัญ
บุญบั้งไฟถือเป็นคติความเชื่อทางสังคมของชาวอุดรธานีและภาคอีสานทั่วไปที่วิถีชีวิตผูกพันกับธรรมชาติ เนื่องจากชาวบ้านต้องทำการกสิกรรมเลี้ยงชีพเป็นส่วนใหญ่ จึงต้องการน้ำจากธรรมชาติเพื่อเพาะปลูกพืชผลของตนเองจึงได้มีความเชื่อสืบต่อกันมาว่า เทพเจ้าที่ประทานน้ำให้แก่มนุษย์คือ "แถน"
บุญบั้งไฟ เป็นความเชื่อของคนอีสานในการขอฝนสืบต่อมา จากเรื่องพญาคันคาก ผู้รบชนะพญาแถนและขอให้แถนบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล พญาแถนจึงบอกให้พญาคันคาก ว่าต้องการฝนเมื่อใด ให้ส่งสัญญาณไปบอกด้วยการจุดบั้งไฟขึ้นฟ้าไป พญาแถนก็จะสั่งฝนลงมาให้ เมื่อถึงฤดูทำนาก็จะขอฝนมาทำนา ก็ส่งสัญญาณบอกแถนด้วยการจุดบั้งไฟ
การจุดบั้งไฟจะทำกันในเดือนหก และจะทำหลังจากที่ทำพิธีเลี้ยงบ้านไปแล้ว
สาระ/คุณค่า
บุญบั้งไฟถือเป็นสาระของความสนุกสนานที่แฝงไว้ด้วยความเชื่อถือศรัทธาที่มีมาอย่างยาวนาน กิจกรรมทั้งหมดของประเพณีนี้ได้ถ่ายทอดความรู้สึก ภูมิปัญญาของชุมชนในเรื่องเทคโนโลยีพื้นบ้าน การเลือกไม้ไผ่มาทำบั้งไฟ การตัดไม้ไผ่โดยไม่เป็นอันตราย การบรรจุดินปืนลงกระบอกไม้ไผ่ ล้วนเป็นภูมิปัญญาที่สั่งสมสืบกันมา การตกแต่งบั้งไฟเป็นงานศิลปะ การเซิ้ง การรับลำ และความเชื่อในผีแถน

ประเพณี บุญบั้งไฟ


1 ความคิดเห็น: